Blog & Journal : Where the S.F.72&74 community can share ideas.
send blog & journal Click here to mail me!
เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กที่ศูนย์พระมหาไถ่ ชลบุรี posted by Piyawan,31-01-2010 |
|
เอนทรี่นี้...นับเป็นเอนทรี่แรกที่เขียนลงในบล็อกนี้ ที่ผ่านมา....ส่วนใหญ่เป็นการเก็บเอาเนื้อหาบางส่วนของบทความดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง แต่สำหรับเอนทรี่ "เลี้ยงอาหารกลางวันเด็กที่ศูนย์พระมหาไถ่ ชลบุรี" นี้ ตั้งใจเขียนด้วยตัวเองเพราะเป็นเรื่องของรุ่นเราโดยเฉพาะ แม้ว่าเว็บไซต์ St.Francis 72&74 แห่งนี้จะยังคงเงียบเหงา ไม่ค่อยมีเพื่อนสมาชิกแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนกันเท่าไรนัก แต่หวังว่าซักวัน เมื่อพวกเราออนไลน์กันบ่อยขึ้น เข้าใจฟังชั่นต่าง ๆ ในเว็บฯ นี้ดีพอ หรือเห็นประโยชน์ของการเข้ามาพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในนี้ มากขึ้นแล้ว เอนทรี่นี้ก็จะเป็นบันทึกความทรงจำดี ๆ ระหว่างเรา รวมทั้งบอกเล่าต่อไปยังรุ่นอื่น ๆ ด้วย เริ่มจากช่วงปลายปี 2552 ที่ผ่านมา คุณต้อง(ต้องตา)ได้รับการติดต่อจากเซอร์เรจีนา ชมไพศาล อดีตมาเซอร์ครูใหญ่โรงเรียน เซนต์ฟรังฯในช่วงที่รุ่นเรากำลังเรียนอยู่ ม.ศ.3 ซึ่งปัจจุบันมาเซอร์เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์โยเซฟฯ ระยอง ชวนพวกเราศิษย์เก่าเซนต์ฟรังฯ รุ่น 15/17 ร่วมกันทำบุญกับเด็กด้อยโอกาส ซึ่งมูลนิธิคุณพ่อเรย์ ศูนย์พระมหาไถ่ จังหวัดชลบุรี ดูแลอยู่ คุณเตื้อมและคุณต้องจึงช่วยกันส่ง เมลไปยังเพื่อน ๆ ในรุ่น เพื่อแจ้งให้ทราบและชวนเพื่อน ๆ ทำบุญด้วยกัน ผลจากวันนั้น พวกเราได้พูดคุยปรึกษากัน จนในที่สุดก็ได้นัดวัน เวลา เพื่อเดินทางไปยังศูนย์พระมหาไถ่ฯ โดยรวบรวมเงิน สิ่งของ ขนม ฯลฯ ไปมอบให้มูลนิธิคุณพ่อเรย์ตามที่ตั้งใจกันไว้ โดยมาเซอร์เรจีนาฯ เป็นผู้ประสานงาน และเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงเด็ก ๆ ในวันนั้น ด้วย ข้อความในย่อหน้าต่อจากนี้ เป็นบทสรุปผลงานของพวกเรา ซึ่งคุณเตื้อมเป็นผู้เขียน และ forward mail แจ้งให้พวกเรา ทั้งคนที่ไป และไม่ได้ไปด้วยกันในวันนั้นได้รู้ อ่านแล้วรู้สึกว่าเพื่อนเรามีแววเป็นนักเขียนที่ดีคนหนึ่ง แต่อาจจะยังไม่นิยมเขียนบล็อก จึงขอทำหน้าที่บรรณาธิการ คัดเอาผลงานของ คุณเตื้อมมาเผยแพร่ในเว็บรุ่นของเรา....ขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้ด้วย คงไม่ว่ากันนะ...เพื่อน! ถึงเพื่อนทุก ๆ คน
ตามที่เพื่อน ๆ ได้ร่วมทำบุญกับพวกเราที่เดินทางไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กในความอนุเคราะห์ของคุณพ่อเรย์ ที่ชลบุรี วันที่ 24 มกราคม 2552 นั้น พวกเราได้เช่ารถตู้มีทั้งหมด 10 ชีวิต ดังนี้ เตื้อม ต้อง แป้น พี่อ้อม อร ก๋อง ก้อน ไก่ ป้อม และอ้อย ส่วนที่ เหลืออีก 4 ชีวิต คือ แดง กี๋ จี๊ด เดินทางไปกับแอ๊ว ซึ่งขับรถไปเองด้วยความเมามัน พวกเรากว่าจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ก็ประมาณเกือบ 10 โมงเช้า ที่จริงนัดกันตั้งแต่เช้ามืด แต่ตามประสาคนสาวแรกรุ่นก็เลยช้ากว่ากำหนด พวกเราไปแวะที่มอเตอร์เวย์ เพื่อหาอาหารรับประทานกัน เพราะบางคนเริ่มมีอาการหน้ามืดเวียนหัวแล้ว และได้นัดพบกลุ่มแอ๊วที่นั่น จะเห็นจากรูปที่พวกเราไปแวะ ทานกาแฟ และขนมมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใสกันเป็นแถวเพราะนาน ๆ ที่จะได้ออกจากบ้านคนชรา คุณต้องนัดเจอกับซิสเตอร์เรจิน่าที่มูลนิธิเวลา 11.30 น. แต่พวกเราเช่นเคยสายตลอดกาลจนซิสเตอร์ต้องโทรตามว่าอยู่ที่ ไหนกันแล้ว เพราะเกือบจะ 12.00 น.แล้วก็ยังไม่มีวี่แววเลย ก็อย่างว่าแหละสาว ๆ ทั้งนั้นก็เลยงุ่มง่ามกันอยู่นั่น แถมจอดกันตลอด ทางเพราะอั้นกันไม่ค่อยอยู่แล้ว น่าสงสารจังอย่าพาไปไหนอีกนะ สรุปพวกเราไปถึงสถานที่เลี้ยงเด็กของพระมหาไถ่ประมาณ 12.30 น. ซึ่งพวกเด็ก ๆ 122 คน ก็นั่งตั้งตารอด้วยความตื่นเต้น และหิวกันเป็นแถว เด็ก ๆ จะอายุประมาณ 4 - 10 กว่าปี มีทั้ง ผู้หญิงและผู้ชาย พอพวกเราถึงเด็ก ๆ จะแสดงความดีใจมากเพราะนาน ๆ ทีจะมีคุณยายจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียน พวกเขาได้ จัดการแสดงเพื่อต้อนรับพวก เตื้อม ต้อง แป้น พี่อ้อม อร ก๋อง ก้อน ไก่ ป้อม และ อ้อย เราถึง 3 ชุด จะเห็นจากในภาพ มีการรำถวาย พระพรพวกคุณยายและเต้นหนุ่มดอยเต่า ซึ่งพวกเด็ก ๆ ตั้งใจทำกันมาก
พวกเรายังทำไม่ได้เลย อายจัง แต่คิดว่าคราวหน้าถ้ามีโอกาสไปจะเตรียมตัวไปแสดงให้เด็ก ๆ ดูเหมือนกัน ดูแล้วจะทึ่งไปนาน พอจบการแสดงเก็มีคุณพ่อที่ดูแลเด็ก ๆ กล่าวเปิดงานและแนะนำคณะพวกเรา หลังจากนั้นก็ขยำอาหารด้วยความหิวและรอคอยมา นาน พวกเด็กทานจุมาก ๆ ๆ เห็นแล้วงงเลยว่าทานเข้าไปได้อย่างไร ทั้งบะหมี่น่องไก่ และข้าวเหนียวไก่ย่าง น่าจะเป็นอาหารที่ชอบ เพราะทานกันมาก แต่ผัดมักกะโรนี ไม่ทานเลยเพราะบอกว่าเป็นอาหารฝรั่ง และพวกเขาเป็นเด็กบ้านนอกทานไม่เป็นกัน และ ต้มแซ่บก็ไม่ค่อยทาน หลังจากนั้นก็มีไอศรีม ผลไม้ และ น้ำหวาน ซึ่งก็เป็นของถูกใจ เห็นเด็ก ๆ ทานกันก็น่าชื่นใจ เพราะทานกัน เต็มที่ ไม่มีเหลือเลย คนที่ดูแลบอกว่าเนื่องจากเป็นอาหารพิเศษที่ไม่ค่อยได้ทานพวกเขาจะทานกันมากและทานตุนไว้มื้อต่อไปด้วย ทำได้ไงนี่ แล้วพวกเราก็ได้ทานอาหารกับคุณพ่อและซิสเตอร์ที่จัดไว้ให้ พอทานเสร็จ ได้ให้คุณแอ๊วมอบเงินที่เรี่ยไรมารวมเป็นเงิน ทั้งสิน 37,500 บาท ไม่น่าเชื่อทำได้ไงนี่ แต่ต้องขอขอบพระคุณพวกเราทุกคนที่ร่วมบริจาคกันมาอย่างไม่ขาดสาย และคุณแดงที่ ได้รับบริจาคจากเพื่อนร่วมงานมากถึง 10,000 กว่าบาท และตุณต้องตาที่สมบทจากกองทุนเลี้ยงเด็กที่มีอยู่อีก 4,000 บาท ต้องขอ อนุโมทนา สาธุ ด้วย ขอบคุณจริง ๆ ๆ เงินที่ให้ซิสเตอร์เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็กแล้วก็จะนำเข้ามูลนิธิคุณพ่อเรย์เพื่อใช้จ่าย ต่อไป ยังไม่จบ เพราะหลังจากนั้นพวกเรายังมีของแจกเด็ก ๆ อีก ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากคุณไก่ ซึ่งนำของแจกมาหลายกล่อง เด็กชอบมากของแจก พวกเรายังชอบเลย ดูจากรูปจะเห็นว่า ทุกคนกุลีกุจอแจกของกันใหญ่เลย สนุกมาก เพราะนาน ๆ ที่จะได้แจก เขา ส่วนใหญ่จะรอแต่ของแจก นอกจากนั้นพวกเราได้นำเสื้อผ้า เครื่องใช้ต่าง ๆ และหนังสือมาแจกให้มูลนิธิด้วย วันนั้นมีฝนตกตลอด วันเลย หนักบ้าง เบาบ้างแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับพวกเรา เพราะพวกเรามีกำลังใจแรงกล้าในการกระทำดังนี้ มีคนร้องขอมาว่า เอาอีก เอาอีก แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย เพื่อหาโอกาสและเวลาที่เหมาะสม ที่เขียนพร่ำพรรณามาเพื่อให้เพื่อน ๆ ที่ไม่สามารถไปร่วม งานกับพวกเราได้เห็นภาพกันชัด ๆ ว่าเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งเบื่ออ่านเสียก่อน ขอให้ดูรูปประกอบไปด้วย สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนประสพแต่ความสุข ความเจริญ โดยเฉพาะมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ทั้งกายและใจนะจ๊ะ ขอขอบคุณในความร่วมมืออีกครั้ง คุณไก่ช่วยเอารูปที่ส่งแนบมานี้ใส่ลงไปใน Facebook ให้ด้วยนะจ๊ะ จะได้เป็น Memory ที่ดีสำหรับทุก ๆ คน เนื่องจาก File ใหญ่เกินไปจะต้องทะยอยส่ง
(ลงชื่อ) เตื้อม
เป็นไง....อ่านแล้วคิดเหมือนกันไม๊?...ว่าเพื่อนเราคนนี้มีแววนักเขียนบล็อกฝีมือไม่เบาทีเดียว บรรยายได้ละเอียด จนแทบไม่ต้องสรุป
อะไรแล้ว แต่เมื่อไหร่จะส่งรูปมาให้ล่ะจ๊ะ รับรองว่าได้มาเมื่อไรจะนำมาโพสให้ดูกันในท้ายเอนทรี่นี้นี่แหละ....ติดตามชมกันหน่อยก็แล้วกัน
สวัสดีจ๊ะ แล้วพบกันอีกในทริปต่อไป ;))
ป.ล. รู้สึกประทับใจกับคำพูดของมาเซอร์เรจินาฯ ที่บอกว่าพวกเราเป็นความภาคภูมิใจของมาเซอร์ กิจกรรมซึ่งพวกเราร่วมกันทำใน วันนี้ คือผลงานที่ได้อบรม ปลูกฝังกันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กเล็ก ๆ แม้จะไม่ใช่ผลงานของมาเซอร์คนเดียว แต่ก็ดีใจที่เห็นพวกเราทุกคนเติบโต ขึ้นมาเป็นคนดี และเมื่อมีความพร้อมแล้ว ยังรู้จักการเผื่อแผ่ แบ่งปันให้กับคนอื่น ที่ด้อยโอกาสกว่าในสังคม พวกเราก็ขอขอบคุณมาเซอร์ฯ คุณครูทุกท่าน และโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ที่ได้อบรมให้พวกเราทุกคนยังคงรักกัน เหมือนเช่นทุกวันนี้ ขอบคุณค่ะ
Leave a comment or back to directory HTML Comment Box is loading comments...
|
เตือน! posted by Piyawan,15-10-2009 |
เตือน!ผู้เล่นไฮ5ทวิตเตอร์เฟชบุ๊ก ตกเป็นเหยื่อจากข้อมูลส่วนตัวในโลกออนไลน์ ดูดข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ ในงานสัมมนาด้านความปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ระดับอาเซี่ยน ซีดิค 2009 นายปริญญา หอมเอนก ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งบริษัทเอซิสโปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันความปลอดภัย ของข้อมูลเป็นเรื่องใกล้ตัว และแพร่กระจายไปในวงกว้างมากขึ้น จากสถิติและผลงานวิจัยในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ช่องโหว่และภัยคุกคามที่เกิด ขึ้นบนโลกไซเบอร์ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยช่องโหวของโปรแกรมประยุกต์ และช่องโหว่ของการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ที่ไม่มั่นคง ปลอดภัย ทำให้ แนวโน้มการรักษาความาปลอดภัยคอมพิวเตอร์ มุ่งพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ ให้มีความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลมากขึ้น ทั้งนี้เอซิสฯ ร่วมกับเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทยหรือซอฟต์แวร์พาร์ค กระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศและการสื่อสาร สมาคมความมั่นคงปลอดภัยระบบสารสนเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 50 หน่วยงาน จัด "โครงการอบรมการป้องกันความปลอดภัยข้อมูล คอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 9 (ซีคิด 2009) ขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.2552 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเป็นงานสัมมนาด้านความ ปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ใหญ่ที่สุดใน อาเซียน ซึ่งเป็นแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ที่จะร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ พร้อม โชว์กรณีศึกษา เพื่อให้องค์กรหรือผู้สนใจสามารถนำไปใช้ป้องกันตนเอง ให้พ้นจากภัยคุกคามสมัยใหม่ทุกรูปแบบบนโลกไซเบอร์ สำหรับภัยคุกคามที่พบมากในปีนี้ นายปริญญากล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นภัยจากเทคโนโลยี่เว็บเซอร์วิส ภัยจาการทำธุรกรรมออนไลน์ ภัย จากบอทเน็ต มัลแวร์ รวมถึงภัยจากช่องโหว่ในโปรแกรมประยุกต์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างไม่ปลอดภัย และภับจาการใช้งานระบบไร้สาย ส่วนปีหน้าคาดว่า ภัยคุกคามจากเว็บเซอร์วิส รวมถึงภัยการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เช่น ไฮไฟว์ ทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊ก จะมาแรง โดย เฉพาะการขโมยข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ เตือนผู้ใช้งานโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กไม่ควรใส่ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของ อาชญากรไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งในงานซีดิค 2009 นี้จะมีการสาธิตเทคนิคใหม่ ๆ ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้หาข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ โดยอาศัย ข้อมูลจากเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเป็นหลัก back to directory |
|
Friendster, FaceBook, MySpace, Hi5, FaceBox… Social Networking Frenzy! by Patricia from http://patricialin.com/socialnetworking/ reposted by Piyawan,1-09-2009 |
|
What do those 3 websites have in common? If the answer does not stare back at you, well, I think it's either you haven't been surfing the Internet for long enough. Or perhaps you have been ignorant about the countless emails that you probably have received from your friends in your inbox. Well, for your benefit, all 3 sites are similar because they are social networking sites. What prompted me to blog about this post? That’s coz I just received yet another invitation to join ANOTHER social networking site. I'm frankly quite tired of doing so, because the same friend that invited me, is in another social networking site that I am in too. So, what's the point? I certainly don't have so much time to manage the many profiles that I have at the different social networking sites! gosh. But come to think about it, what's the beauty of such social networking sites or what makes it work so successfully and virally in fact in the online cyberspace? It's rather simple. The ease of letting the world know who you are just by joining, creating a profile, finding friends, adding friends and building up your own network! It's uses the idea of viral marketing because when a person joins the social networking site,he/she would want his/her friends to join and hence, would send out invitations to get them to join. In order words, refer them through emails. If it becomes massive, almost everyone everywhere would have an account with the social networking site and well, the entire world is connected. Did you know that the first social networking website was Classmates.com? Social networking is a great online tool for people to stay connected to one another and also to find old, long lost friends or to make new ones. It's interesting how it is able to let you find people of common interests, common educational background (for instance, school or college) and also beliefs and values. Did you know that Friendster was created in 2002? Well, Friendster has got to be the first social networking site that i joined since October 2003 and I'm still keeping it active as it holds all the contacts that I know from Primary school to university. Well, one reason why people adore social networking sites is because it gives the user control - control over what profile details to enter, what pictures to put up, which videos to share, who to add as a friend etc etc. It’s stepping into Web 2.0 where the user holds the power. By the way, do you know that Google has a social network called Orkut, launched in 2004? That was a fact that I didn't know and I must say that it really lost out to the big players such as MySpace and Friendster. I might be wrong. Do correct me ya? So what goes on in a social networking site? 1. Founders of the site send out messages inviting members of their own personal networks to join the site. 2. The process is repeated by the individual members! 3. Growth of number of members on the site and links in the network. 4. Members utilise the features available on the site. Common ones include, the friend updates, viewable profiles, adding friends and inviting friends, blog, file sharing etc. 5. Communities/ Groups within the social networking site increases when people come together in niche groups such travel, art and gaming. Through this simple process, everyone gets connected to everyone and you get to meet and chat with new people! It's a great way to get to know people as well as find old friends whom you probably have lost contact over the years. So, interested to find out more about social networking sites? Just visit one today! Interested to find out what is social networking all about, just visit my profile at Friendster! back to directory |
|
 |
 |
 |
 |
 |
 |
